จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- พุธที่ 25 กรกฎาคม 2555 06:00:00 น.
บ้านปูตั้งรับวิกฤติหนี้อียู ชะลอแผนการลงทุน-ลดกำลังผลิต ยอมรับปี’55รายได้-กำไรวูบหลุดเป้า
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ผันผวนที่เกิดจากราคาถ่านหินโลกอ่อนตัวจากปัญหาการค้นพบ เชลล์ก๊าซในสหรัฐ ปัญหาเศรษฐกิจยุโรป และการผลิตถ่านหินแหล่งใหม่ของทั่วโลก เลื่อนการลงทุน?500-600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 30% จากแผนการลงทุนปี 2555-2558 วงเงินรวม 1,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และลดเป้าหมายกำลังผลิตลง 7-10% รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
ทั้งนี้ นายชนินท์กล่าวว่า การเลื่อนการลงทุนเป็นการชะลอเพื่อรองรับความผันผวน โดยเลื่อนการลงทุนทั้งเหมืองถ่านหิน มองโกเลีย 200-250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมตั้งเป้าหมายลงทุน 400 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ ออสเตรเลีย เลื่อน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากแผนเดิม 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอินโดนีเซีย เลื่อน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 345 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น การลดค่าใช้จ่ายเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียลง 6-7% เพื่อรักษาสถานะทางการเงินของกลุ่มให้แข็งแกร่ง และยังหาช่องทางการลงทุนเหมืองถ่านหินใหม่หากมีโอกาส ขณะเดียวกันได้ลดเป้าหมายกำลังผลิตรวมของถ่านหินปีนี้ลงจาก 47 ล้านตัน เหลือ 44 ล้านตันต่อปี ลดเป้าหมายผลิตปี 2556-2558 ลง 10% เหลือ 55 ล้านตัน จากเดิม 60 ล้านตันต่อปี
อย่างไรก็ตาม แต่เดิมบ้านปูคาดการณ์ว่าราคาถ่านหินเฉลี่ยปีนี้จะอยู่ที่ 100-120 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน แต่ในขณะนี้ ราคาลดลงเหลือประมาณ 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และคาดว่าราคาอาจจะอยู่ที่ประมาณ 80-95 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันไปจนถึงไตรมาส 1 ปี 2556 โดยราคาที่ลดลงเนื่องจากราคาเชลล์ก๊าซในสหรัฐต่ำกว่าต้นทุน โดยราคาอยู่ประมาณ 2 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู ขณะที่ต้นทุนจริงอยู่ที่ 5-6 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู จึงเชื่อว่าราคาจะต่ำในระยะสั้น และจากการพบเชลล์ก๊าซ ทำให้โรงไฟฟ้าสหรัฐใช้ก๊าซผลิตไฟฟ้ามากขึ้น จึงส่งออกถ่านหินในสตอกระยะสั้นออกมา 45 ล้านตัน และอีกหลายประเทศมีการผลิตถ่านหินเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน แต่บ้านปู ยังเชื่อมั่นว่าถ่านหินจะมีราคาที่ดีขึ้น เพราะตลาดคาดว่าจากปี 2555-2560 ถ่านหินจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นอีก 500 ล้านตัน จากที่ปัจจุบันโลกมีความต้องการประมาณ 800 ล้านตันต่อปี
“คาดรายได้ปีนี้จะโตเพียง 3% จากเป้าหมายเดิมตั้งไว้ที่ 15% จากรายได้ปีที่แล้วที่ประมาณ 112,400 ล้านบาท กำไรก็คงจะลดลงจากปีที่แล้วที่มีประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งบ้านปูจะพยายามดูแลผลตอบแทนผู้ถือหุ้นให้ดีที่สุดโดยคงเงินปันผลประมาณ 50% ของกำไรสุทธิ” นายชนินท์ กล่าว
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็ม เอฟ ซี กล่าวในการปาฐกถาพิเศษ เรื่องวิกฤติเศรษฐกิจโลก 2012 ว่า ปัญหาหนี้ในกลุ่มสหภาพยุโรป แม้จะไม่รุนแรงเท่ากับครั้งเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ในสหรัฐ แต่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกในระยะยาว เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจโลกมีความไม่สมดุลอย่างมาก ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา และไทยก็หลีกเลี่ยงผลกระทบดังกล่าวไม่ได้ โดยการส่งออกจะได้รับผลกระทบไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ 15% แต่การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยจะยังคงขยายตัวได้ 5-6% ซึ่งมาจากการบริโภคในประเทศ และการซ่อมสร้างความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วมเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ขณะที่อัตราเงินเฟ้อน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3% ซึ่งไม่เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่ไทยก็ต้องเตรียมแนวทางป้องกันปัญหาดังกล่าวด้วยการออกไปทำการค้า กับอาเซียน เอเชีย รวมถึงตะวันออกกลางมากขึ้น เพื่อลดทอนผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว
ที่มา http://www.ryt9.com/s/nnd/1452597
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ผันผวนที่เกิดจากราคาถ่านหินโลกอ่อนตัวจากปัญหาการค้นพบ เชลล์ก๊าซในสหรัฐ ปัญหาเศรษฐกิจยุโรป และการผลิตถ่านหินแหล่งใหม่ของทั่วโลก เลื่อนการลงทุน?500-600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 30% จากแผนการลงทุนปี 2555-2558 วงเงินรวม 1,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และลดเป้าหมายกำลังผลิตลง 7-10% รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
ทั้งนี้ นายชนินท์กล่าวว่า การเลื่อนการลงทุนเป็นการชะลอเพื่อรองรับความผันผวน โดยเลื่อนการลงทุนทั้งเหมืองถ่านหิน มองโกเลีย 200-250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมตั้งเป้าหมายลงทุน 400 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ ออสเตรเลีย เลื่อน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากแผนเดิม 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอินโดนีเซีย เลื่อน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 345 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น การลดค่าใช้จ่ายเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียลง 6-7% เพื่อรักษาสถานะทางการเงินของกลุ่มให้แข็งแกร่ง และยังหาช่องทางการลงทุนเหมืองถ่านหินใหม่หากมีโอกาส ขณะเดียวกันได้ลดเป้าหมายกำลังผลิตรวมของถ่านหินปีนี้ลงจาก 47 ล้านตัน เหลือ 44 ล้านตันต่อปี ลดเป้าหมายผลิตปี 2556-2558 ลง 10% เหลือ 55 ล้านตัน จากเดิม 60 ล้านตันต่อปี
อย่างไรก็ตาม แต่เดิมบ้านปูคาดการณ์ว่าราคาถ่านหินเฉลี่ยปีนี้จะอยู่ที่ 100-120 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน แต่ในขณะนี้ ราคาลดลงเหลือประมาณ 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และคาดว่าราคาอาจจะอยู่ที่ประมาณ 80-95 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันไปจนถึงไตรมาส 1 ปี 2556 โดยราคาที่ลดลงเนื่องจากราคาเชลล์ก๊าซในสหรัฐต่ำกว่าต้นทุน โดยราคาอยู่ประมาณ 2 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู ขณะที่ต้นทุนจริงอยู่ที่ 5-6 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู จึงเชื่อว่าราคาจะต่ำในระยะสั้น และจากการพบเชลล์ก๊าซ ทำให้โรงไฟฟ้าสหรัฐใช้ก๊าซผลิตไฟฟ้ามากขึ้น จึงส่งออกถ่านหินในสตอกระยะสั้นออกมา 45 ล้านตัน และอีกหลายประเทศมีการผลิตถ่านหินเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน แต่บ้านปู ยังเชื่อมั่นว่าถ่านหินจะมีราคาที่ดีขึ้น เพราะตลาดคาดว่าจากปี 2555-2560 ถ่านหินจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นอีก 500 ล้านตัน จากที่ปัจจุบันโลกมีความต้องการประมาณ 800 ล้านตันต่อปี
“คาดรายได้ปีนี้จะโตเพียง 3% จากเป้าหมายเดิมตั้งไว้ที่ 15% จากรายได้ปีที่แล้วที่ประมาณ 112,400 ล้านบาท กำไรก็คงจะลดลงจากปีที่แล้วที่มีประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งบ้านปูจะพยายามดูแลผลตอบแทนผู้ถือหุ้นให้ดีที่สุดโดยคงเงินปันผลประมาณ 50% ของกำไรสุทธิ” นายชนินท์ กล่าว
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็ม เอฟ ซี กล่าวในการปาฐกถาพิเศษ เรื่องวิกฤติเศรษฐกิจโลก 2012 ว่า ปัญหาหนี้ในกลุ่มสหภาพยุโรป แม้จะไม่รุนแรงเท่ากับครั้งเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ในสหรัฐ แต่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกในระยะยาว เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจโลกมีความไม่สมดุลอย่างมาก ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา และไทยก็หลีกเลี่ยงผลกระทบดังกล่าวไม่ได้ โดยการส่งออกจะได้รับผลกระทบไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ 15% แต่การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยจะยังคงขยายตัวได้ 5-6% ซึ่งมาจากการบริโภคในประเทศ และการซ่อมสร้างความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วมเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ขณะที่อัตราเงินเฟ้อน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3% ซึ่งไม่เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่ไทยก็ต้องเตรียมแนวทางป้องกันปัญหาดังกล่าวด้วยการออกไปทำการค้า กับอาเซียน เอเชีย รวมถึงตะวันออกกลางมากขึ้น เพื่อลดทอนผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว
ที่มา http://www.ryt9.com/s/nnd/1452597
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)