จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

"วิกฤติหนี้ยูโร " กระทบไทยแต่เอาอยู่

       
 แม้กรีซจะต่อลมหายได้ หลังนายแอนโตนิส ซามาราส หัวหน้าพรรคนิว เดโมเครซี (ND) ได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของกรีซเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2555 แต่ปัญหาวิกฤตในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นหนี้เสียในภาคธนาคารในประเทศสเปน อิตาลี ไม่มีใครฟันธงได้วิกฤติครั้งนี้จะลามสู่ประเทศอื่นในยุโรป และกระทบต่อเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทยหรือไม่
           ดร.ธนวรรธน์ เชื่อวิกฤติยุโรปเอาอยู่
          ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และรองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ตนยังมองในแง่บวก ว่าวิกฤติยูโรจะไม่ลาม ด้วยเหตุผลที่ว่าผู้นำประเทศและธนาคารกลางของแต่ละประเทศ มีธงตรงกันที่ว่า “เศรษฐกิจโลกพังไม่ได้” อย่างน้อยผู้นำสหรัฐ ฯ ก็ต้องพยุงประคองไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐ ทรุดตัวก่อนที่การเลือกตั้งจะมาถึงในเดือนพ.ย.นี้
          หรือการที่การประชุมจี 8 อัดฉีดเงินช่วยสภาพคล่องระบบแบงก์ในสเปน 1 แสนล้านยูโร และจีนที่ประกาศลดดอกเบี้ย รวมไปถึงการที่” ฟรองซัวส์ ออลลองด์ “ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสเสนอให้เติมเงินอีก 5 แสนล้านยูโร ในกองทุนเพื่อเสถียรภาพทางการเงินยุโรป (อีเอ็ฟเอสเอ็ฟ) โดยยอมที่จะลืมกรีซ แต่ให้ตรึงสถานการณ์อิตาลี และสเปนให้ได้
          "ไม่มีใครบอกได้สถานการณ์ยูโรครั้งนี้จะนิ่ง ฝ่ายไทยก็ยังมองเป็น 2 มุม แต่ที่ทุกคนมองเหมือนกันคือไม่น่าจะสะเทือนหมด และธงของสหรัฐ ฯไม่มีการมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐปีนี้จะโตต่ำกว่า 2% ประกอบกับเงินเฟ้อที่ไม่สูง ทำให้สหรัฐฯมีพื้นที่ที่จะใช้มาตรการ QE 3 ได้ ซึ่งหากเงินเฟ้อสหรัฐฯอยู่ที่ 2.5% อัตราว่างงาน 8.2 % เศรษฐกิจสหรัฐจะโตได้ 2-2.5% ”
          ดร.ธนวรรธน์ กล่าวว่า บนสมมติฐานความเป็นไปได้ 3 ข้อกล่าวคือ 1.หากเศรษฐกิจยุโรป ติดลบ 0.5% ถึงติดลบ 0.9% เศรษฐกิจโลกจะเติบโตประมาณ 2-2.5% 2.กรณีที่เศรษฐกิจยุโรปติดลบ 1% ถึงติดลบ 2% เศรษฐกิจโลกจะโตประมาณ 1-1.5% และในกรณีนี้จะลากเศรษฐกิจสหรัฐไปด้วย และ 3.หากเศรษฐกิจยุโรปติดลบมากกว่า 2% เศรษฐกิจโลกจะโต 0-1% เท่านั้น และหากเป็นไปตามเงื่อนไขนี้จะกระทบถึงประเทศไทยด้วย
          ส่งออกวืดเป้า 15% แน่ปี 55
          นายไพบูลย์ พลสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สัญญาณภาคส่งออกไทยผ่านคอนเทนเนอร์เมื่อ15 ปีที่แล้ว เคยโตเฉลี่ย 10-15% แต่ 4 เดือนที่ผ่านมาเมื่อคำนวณเป็นปี เรากำลังจะเจอภาวะถดถอยประมาณ 5% หรือติดลบ โดยมีสัญญาณจากบริษัทเรือหลายประเทศที่โยงถึงสถิติการส่งออกไปยุโรปและสหรัฐอเมริกา หรือส่งไปอาเซียน มีการชะลอการนำเข้าของตู้เปล่าเข้ามาลดลงกว่า 30% จากที่ภาวะปกติคอนเทนเนอร์เปล่าต้องนำเข้ามาเกือบครึ่งหนึ่งของยอดอิมพอร์ต ซึ่งส่งสัญญาณว่า เดือน 5,6,7 ประเทศคู่ค้าหรือประเทศนำเข้าต่างวางแผนการไกลว่าสินค้านำเข้าลดลงแน่นอน หรืออย่างมากก็เท่ากับคอนเทนเนอร์ ของการนำเข้า
          สัญญาณที่บอกว่าไตรมาส 3 จะมีปัญหาแม้สหรัฐฯจะบอกว่าไตรมาส 3 จำนวนคอนเทนเนอร์เขาจะเพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่บ่งชี้คืออัตราค่าระวางเรือ ประกาศขึ้นไม่สำเร็จ นั่นคือองค์ประกอบซัพพลายมากกกว่าดีมานด์ หรือจำนวนผลิตสินค้าเพิ่มแต่เพิ่มในอัตรากำลังที่ความสามาถราคาไม่เพิ่ม
          นายไพบูลย์ ยังประเมินอีกว่าผลกระทบจากวิกฤติยูโรทั้งทางตรงและทางอ้อม จะส่งผลให้ภาคส่งออกไทยปีนี้ไม่สามารถขยายตัวได้ตามเป้า 15% อย่างดีอาจขยายได้เพียง 8%
           ท่องเที่ยว ห่วงปัจจัยการเมืองในประเทศเป็นหลัก
          นายชิดชัย สาครบดี รองนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า ปัญหาผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยปิดสนามบินแล้วเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วและคนที่ทำให้นักท่องเที่ยวตลาดยุโรปหายไปก็คือ “นักการเมือง”
          ส่วนผลกระทบจากสถานการณ์ในยุโรปในภาพรวมตนยังไม่กังวล เพราะภาพรวมการท่องเที่ยวไทยไม่ได้ลดลง เพียงแต่สัดส่วนนักท่องเที่ยวที่มาจากยุโรปลดลง แต่นักท่องเที่ยวในกลุ่มเอเชีย โดยเฉพาะประเทศจีนเพิ่มค่อนข้างมาก โดยสัดส่วนตลาดเดิมเป็นยุโรป 40% เอเชีย 60% แต่ตอนนี้นักท่องเที่ยวจากยุโรปเหลือสัดส่วนเพียง 10% ที่เหลือมาจากเอเชีย กว่า 60% และอื่น ๆอีก 30%
          สถานการณ์วิกฤติในยุโรป ยังมีข้อดีตรงที่ว่าแม้จำนวนนักท่องเที่ยวจากยุโรปจะน้อยลง แต่จำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยลง กลับเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพเพราะเป็นระดับกลางและสูง
          รองนายกแอตต้า กล่าวต่อว่าเราหวังพึ่งตลาดยุโรปได้ค่อนข้างน้อยในเรื่องปริมาณ ดังนั้นผู้ที่ทำตลาดยุโรปต้องประคองไว้ให้ดี เพราะมีโอกาสที่ยุโรปจะกลับมามีเสถียรภาพ ซึ่งหากตลาดยุโรปกลับมีเสถียรภาพ เอสเอ็มอีที่จับลูกค้ากลุ่มนี้ก็จะสามารถลืมตาอ้าปาก จากคอนเน็ตชั่นและการสะสมประสบการณ์
          “ภาครัฐคาดหวังกับการท่องเที่ยวค่อนข้างสูง แต่การลงทุนให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวกลับค่อนข้างต่ำ เพราะเรามีทรัพยากรธรรมชาติ บริการเราแข็งแกร่ง ติดเฉพาะกลไกผู้ปฏิบัติ ถ้าจะให้นำเงินตราต่างประเทศเข้าประเทศ รัฐควรเห็นถึงปัญหาที่ภาคเอกชนสะท้อนปัญหา โดยลงมาดู”
          จับตาไตรมาส 3,4 สภาพคล่องตึงตัว-ต้นทุนเงินกู้พุ่ง
          นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานผลิตภัณฑ์บรรษัทและผู้ประกอบการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วิกฤติยูโรที่เกิดขึ้น ทำให้ลูกค้าแบงก์ช่วงปีที่ผ่านมาเริ่มประสบปัญหาไม่ได้รับชำระเงินบ้างแล้วและที่เป็นปัญหา ก็คือ 1.ไม่เปิดแอลซี หรือ 2 ถึงเปิดแอลซี แบงก์ก็คอนเฟิรมไม่ได้ จากเครดิตคุณภาพที่แย่ลง
          สภาพคล่องการเงินตึงตัว โดยเฉพาะผู้กู้ที่ใช้เงินต่างประเทศ เนื่องจากสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้น้อยลง และต้นทุนการกู้สูงขึ้น ซึ่งจะกระทบชัดเจนในไตรมาส 3,4 นี้ และปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินที่ผันผวน
          "การที่กรีซจะผ่าทางดันแก้วิกฤติหนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะลักษณะโครงสร้างการบริหารจัดการหนี้แตกต่างกับวิกฤติต้มยำกุ้งที่เกิดขึ้นกับประเทศย่านเอเชียหรือกรณีของไทยกล่าวคือ 1.โครงสร้างเงินกู้ของกรีซเป็นการกู้มาเพื่อใช้จ่าย ไม่ได้กู้มาเพื่อการลงทุน 2.กรีซมีปัญหาอัตราคอรัปชั่นในประเทศสูง 3.โครงสร้างรายได้หลักของกรีซมาจากภาคบริการ ไม่ได้ผสมผสานจากภาคอุตสาหกรรม เช่นกรณีของไทยที่มีทั้งท่องเที่ยว ภาคอุตสาหกรรมการผลิตอิเลคทรอนิกส์
          ปัญหาในยุโรปต้องใช้เวลาฟื้นฟู อย่างสเปนขณะนี้มีการว่างงาน 24% เยอร์มัน 5 % ในกรีซเกือบ 20% และในอนาคตกรีซก็น่าจะว่างงานมากขึ้นอีก และเทียบวิกฤติต้มยำกุ้งในเอเชียกว่าจะใช้เวลาเศรษฐกิจฟื้นได้ต้องนานถึง 10 ปี แต่ในยุโรปไม่รู้ว่าแนวทางจะทำได้หรือไม่ใน 2-3 ปีนี้ หากเป็นเช่นนั้นการฟื้นฟูก็อาจต้องใช้เวลานานร่วม 10 ปี” นายทรงพล กล่าว ก่อนทิ้งท้ายว่า
          การชักดาบระดับประเทศ อันเนื่องจากหนี้สาธารณะที่สูงประเทศไม่มีปัญญาใช้คืน ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การเงินโลก ตรงข้ามกลับเป็นเรื่องปกติ เพราะจากสถิติทุก 100 ปี จะมีการเบี้ยวหนี้เกิดทุกครั้งเช่นออสเตรเลีย เคยชักดาบ 1 ครั้งเมื่อปี 1796 อังกฤษ 2 ครั้ง ,ฝรั่งเศส 8 ครั้ง, เยอรมัน 1 ครั้ง, โปรตุเกส 1 ครั้ง, สเปน 6 ครั้ง ฉะนั้นอย่าวางใจว่าประเทศใหญ่ ๆ ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอย และนั่นอาจเป็นหนึ่งในการผ่าทางตันของวิกฤติของประเทศที่เจ้าหนี้ต้องยอมรับสภาพแฮร์คัต สูญเสีย เฉลี่ย ๆกันไป
          อ่านเพิ่มเติมหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ หน้า 16 เสวนาโต๊ะกลม เรื่องรับมือวิกฤติยูโร : ไทยพร้อมแค่ไหน ฉบับวางแผง 23 -27 มิถุนายน 2555


ที่มา  http://web.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=330048

ไม่มีความคิดเห็น: