จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

ความเป็นมาของวิชาเศษฐศาสตร์ในประเทศไทย

        ตามหลักฐานในหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชตอนหนึ่ง กล่าวไว้ว่า เมืองสุโขทัยนี้ดีในน้ำมีปลาในนามีข้าว เจ้าเมืองบ่เอากอบในไพร่ลู่ทาง เพื่อนจูงวัวไปค้าขี่ม้าไปขาย ใครจักใคร่ค้าช้างค้า ใครจักใคร่ค้าม้าค้า ใครจักใคร่ค้าเงินค้าทองค้า…… ซึ่งสรุปได้ความว่า เมืองสุโขทัยในสมัยพระเจ้ารามคำแหงมหาราชนั้นมีความอุดมสมบูรณ์ ในแม่น้ำ ลำคลองก็มีปลา ในท้องทุ่งนาก็มีข้าวเขียวชอุ่ม ประชาชนทำการค้าโดยเสรีและไม่มีการเก็บภาษีอากรด้วย นอกจากนี้ยังทำการค้ากับประเทศจีน ต่อมาในสมัยอยุธยาและสมัย รัตนโกสินทร์ตอนต้น ประเทศไทยได้มีการค้ากับต่างประเทศ ได้เริ่มรับเอาวิทยาการทางเศรษฐศาสตร์เข้ามาจากต่างประเทศ เกี่ยวกับการคลัง การเงินและการธนาคาร ตลาดจน การค้า แต่ยังมิได้รวบรวมไว้เป็นหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องแน่นอน จนกระทั่ง พ.ศ. 2454 พระยาสุริยานุวัตรได้พิมพ์หนังสือเศรษฐศาสตร์เล่มแรกของไทยขึ้นชื่อ “ทรัพยศาสตร์” แต่ได้ถูกรัฐบาลสมัยนั้นขอร้องมิให้นำออกเผยแพร่ จนกระทั่งในสมัยหลังการเปลี่ยนแปลง การปกครองจึงได้นำออกมาพิมพ์ขึ้นใหม่ มีชื่อว่า “เศรษฐศาสตร์วิทยาภาคต้น เล่ม 1” มีเนื้อหาสาระว่าด้วย การสร้างทรัพย์ การแบ่งปันทรัพย์หรือการกระจายรายได้ 
             ในปี พ.ศ.2459 กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ (น.ม.ส.) ได้พิมพ์หนังสือ “ตลาดเงินตรา” (Money Market) แต่การศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ในสมัยนั้นยังไม่จริงจังและแพร่หลาย จนกระทั่งได้มีการก่อตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2477 การศึกษาวิชานี้จึงเริ่มแพร่หลาย มีผู้แปลหนังสือ “The Principle of Political Economy” ของศาสตราจารย์ ชาร์ล จีด (Charle Gide)   เป็นภาษาไทยและได้พิมพ์ออกจำหน่ายในกลางปี พ.ศ. 2479 ในระยะเวลาเดียวกันคุณพระสารสาส์นพลขันธ์ ได้เขียนตำราเศรษฐศาสตร์ขึ้น 2 เล่ม คือ เศรษฐศาสตร์ว่าด้วยกิจการค้า และ เศรษฐศาสตร์ว่าด้วยการเงิน ซึ่งได้จัดพิมพ์ขึ้นในปี พ.ศ. 2480 และ 2481 ตามลำดับโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะกระตุ้นให้ประชากรไทยตื่นตัวในการทำการค้า
              การศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ได้หยุดชะงักไปชั่วคราวเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง โดยภายหลังสงครามโลกสงบลง ในวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2492 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และการเมืองได้จัดการศึกษาออกเป็น 4 คณะ ได้แก่ คณะนิติศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี นับจากนั้นมาการศึกษาเศรษฐศาสตร์ ได้แพร่หลายและพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างมาก ในสมัยของศาสตราจารย์ ป๋วย อึ้งภากรณ์ ผู้มีส่วนสำคัญในการปฏิรูปการสอน และการศึกษา วิชาเศรษฐศาสตร์ในประเทศไทย ปัจจุบันจึงได้มีการศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์กันอย่างแพร่หลาย ในสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั้งในระดับปริญญาตรี ระดับปริญญาโท และระดับปริญญาเอก รวมทั้งได้ขยายออกไปสู่ระดับต่ำกว่าปริญญาตรีด้วย



ที่มา  http://www.learners.in.th

ไม่มีความคิดเห็น: